บูสต์ผิวให้สวยใส เปล่งปลั่ง ด้วย 3 วิตามินบำรุงผิว
การมีบุคลิกภาพที่ดี ต้องอาศัยภาพลักษณ์ที่ดูดีเพื่อช่วยเพิ่มความมั่นใจ เพราะผิวพรรณเป็นอวัยวะที่สำคัญในร่างกาย ต้องรู้จักดูแลผิวรักษาเพื่อช่วยให้เกิดความประทับใจกับผู้พบเห็น ผิวพรรณที่สวยเนียน กระจ่างใสและสุขภาพดีนั้น นอกจากจะช่วยให้เป็นที่ประทับใจต่อคนที่ได้พบเห็นแล้ว ยังเพิ่มความมั่นใจให้กับตัวเองอีกด้วย วันนี้อมรินณ์ ฟาร์มา เราจึงมีเคล็ดลับดี ๆ ที่สามารถดูแลผิวเราให้สวยใสและดูสุขภาพดี สวยใส เปล่งออร่าจากภายในสู่ภายนอก ด้วยวิตามินบํารุงผิว อันได้แก่
วิตามินซี (Vitamin C) เพื่อผิวขาวใส ลดจุดด่างดำ
วิตามิน ซี (Vitamin C) เป็นวิตามินที่สามารถละลายในน้ำ โดยที่ร่างกายของเราไม่สามารถสร้างขึ้นเองได้จำเป็นต้องได้รับวิตามินชนิดนี้จากการรับประทาน โดยมากวิตามินซีจะอยู่ในกลุ่มของอาหารประเภทผักและผลไม้ชนิดต่าง ๆ พบมากในส้ม สับปะรด มะขาม สตอร์เบอร์รี่ ฝรั่ง มะนาว มะเขือเทศ แต่สำหรับคนที่ไม่นิยมการรับประทานผักและผลไม้ จึงอาจจะต้องทานวิตามินเสริม
ประโยชน์ของวิตามินซีในด้านสุขภาพและการดูผิวพรรณ
วิตามินซีมีประโยชน์ต่อสุขภาพและต่อผิวพรรณ ดังนี้
- ประโยชน์ของวิตามินในด้านสุขภาพ วิตามินซีมีประโยชน์มากมาย อาทิ ช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายแข็งแรงและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้เราไม่ป่วยหรือเป็นหวัดได้ง่ายๆ เพิ่มความต้านทานต่อโรคหัวใจ โดยการช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุมระดับคลอเลสเตอรอลในร่างกาย ส่วนในด้านของความสวยความงามวิตามินซีก็มีประโยชน์ ช่วยให้สาวๆ สวย สดใสได้เช่นกัน โดยวิตามินซีจะเป็นตัวกระตุ้นระบบการไหลเวียนโลหิตของผิวพรรณ
- ส่วนในด้านของผิวพรรณ วิตามินซีจะช่วย เสริมสร้างคลอลาเจน และต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอความแก่ และลดการเกิดริ้วรอยแห่งวัย จึงเป็นเหตุผลที่ว่าวิตามินซีจะสามารถทำให้ผิวพรรณของเหล่าสาวๆ สวยขึ้น สุขภาพดีดูเรียบเนียน จุดด่างดำจางลงอย่างเห็นได้ชัด
วิตามินอี (Vitamin E) ตัวช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว
วิตามิน อี (Vitamin E) หรือ Tocopherol เป็นวิตามินชนิดหนึ่งที่ร่างกายผลิตเองไม่ได้ จำเป็นจะต้องได้รับจากการรับประทานเป็นวิตามินที่ละลายได้ในไขมันมีคุณสมบัติช่วยให้ร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อสู้กับความเจ็บป่วยได้ หน้าที่ที่สำคัญที่สุดของวิตามิน อี คือ เป็นตัวแอนตีออกซิแดนท์ (Antioxidant) และยังเป็นตัวช่วยระบบกล้ามเนื้อและการทำงานของตับ ถือได้ว่าวิตามินอี มีส่วนช่วยบำรุงตับ ซึ่งตับต้องทำหน้าที่เกี่ยวกับเลือดมากมาย วิตามิน อี จึงเป็นตัวช่วยสำคัญ ในการทำหน้าที่เกี่ยวกับเลือดของตับด้วย ทั้งนี้วิตามินอี ยังมีความสามารถในการ ต้านอนุมูลอิสระก่อให้เกิดความเสียหายในเซลล์และเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของริ้วรอยที่ดูแก่ก่อนวัย โดยมีการศึกษาวิจัยพบว่า การได้รับวิตามินอีที่เหมาะสมจะช่วยป้องกันและซ่อมแซมการสึกหรอของเส้นผม ผิว และเล็บได้ และยังช่วยยับยั้งการเสื่อมสภาพของผิวช่วยชะลอความแก่
ประโยชน์ของ วิตามิน อี ที่นำมาใช้ในปัจจุบันมีอะไรบ้าง ?
วิตามิน อีมีส่วนในการป้องกันการแตกของเม็ดเลือด ป้องกันการอุดตันของเม็ดเลือด ป้องกันการอักเสบ บำรุงตับ ช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย ซ่อมแซมผิว มีคุณสมบัติในการต่อต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) ตรงนี้เองที่จะช่วยชะลอการแก่ก่อนวัย ลดเลือนริ้วรอยบนใบหน้า ด้วยคุณสมบัติเหล่านี้ทำให้มีการทำวิตามินอีไปเป็นส่วนผสมทั้งในผลิตภัณฑ์อุปโภคบริโภคต่าง ๆ ดังนี้
- วิตามินอีในรูปแบบยา นอกเหนือจากบทบาทการเป็นวิตามินผู้ปกป้องร่างกายแล้ว วิตามินอียังมีบทบาทในการเป็นยารักษาโรค โดยทางด้านการแพทย์ จะใช้รักษาโรคโลหิตจางในทารกแรกคลอดเนื่องจากเม็ดเลือดแดงแตก ใช้รักษาโรคขาดสารอาหาร ใช้รักษาอาการปวดกล้ามเนื้อขาเวลาเดิน และใช้สำหรับต้านทานต่อโรคภัยไข้เจ็บอื่นๆ อีกมากมาย
- วิตามินอีในรูปแบบเครื่องสำอาง วิตามินอีเป็นวิตามินที่มีการนำมาใช้มากชนิดหนึ่งในเครื่องสำอางสำหรับผิว โดยใช้เป็นสารกันหืน ใช้เป็นสารให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว ใช้ผสมในครีมกันแดด เพื่อช่วยเร่งการทำงานของเอนไซม์ที่ช่วยลดความเกรียมแดดของผิวหนัง และช่วยสมานผิวหนัง ซึ่งฤทธิ์บางอย่างนี้ อาจจะต้องมีการศึกษาเพิ่มเติม
- วิตามินอีในรูปแบบอาหาร หรือ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร จะมีการใช้วิตามินอีเป็นสารกันหืนในอาหาร นอกจากนี้ยังสามารถใช้วิตามินอีเป็นDietary supplement โดยจะใช้เพื่อบำรุงร่างกาย ป้องกันการเกิดโรค และลดความรุนแรงของภาวะต่างๆ โดยภาวะบางอย่างยังคงต้องรอผลการศึกษาเพิ่มเติม
วิตามิน ดี (Vitamin D) กับประโยชน์ที่ดีต่อทุกคน
วิตามินที่เป็นส่วนสำคัญของร่างกาย โดยที่ร่างกายของเราสามารถสร้างวิตามินดีด้วยตัวเองจากการสัมผัสแสงแดด และรับประทานอาหารที่มีส่วนประกอบของวิตามินดี เช่น ปลาแซลมอน ปลาทูน่า ปลาทู ปลาซาร์ดีน ไข่ และนม ทำหน้าที่ในการดูดซึมแคลเซียมและฟอสฟอรัส ซึ่งมีความจำเป็นต่อการเสริมสร้างมวลกระดูก และป้องกันโรคกระดูกบาง (Osteopenia) และกระดูกพรุน (Osteoporosis) และช่วยเสริมการทำงานของกล้ามเนื้อ หัวใจ ปอด และสมอง
นอกจากนี้ วิตามินดียังมีโครงสร้างคล้ายฮอร์โมนเพศ จึงหน้าที่ในการควบคุมกระบวนการทำงานของลดฮอร์โมนพาราไทรอยด์ (Parathyroid Hormone) สารมารถป้องกันการสูญเสียแคลเซียมจากกระดูกได้และเพิ่มการหลั่งฮอร์โมนอินซูลิน (Insulin) ช่วยปรับสมดุลน้ำตาลในเลือดและป้องกันโรคเบาหวานได้อีกทางหนึ่ง
วิตามินดียังมีประโยชน์ต่อร่างกายในด้านอื่นอย่างไรอีกบ้าง ?
หน้าที่หลัก ๆ ของวิตามินดีคือช่วยควบคุมภาวะสมดุลของแร่ธาตุแคลเซียม ฟอสเฟต แคลเซียม ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ช่วยให้กระดูกและฟันแข็งแรง อีกทั้งยังช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ระบบต่าง ๆ ในร่างกาย ครอบคลุมไปตั้งแต่สมอง หัวใจ หลอดเลือด กระดูก เอ็น และอวัยวะอื่น ๆ ในร่างกาย อีกทั้งยังมีประโยชน์ต่อร่างกายมากมายหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น
- ช่วยลดอาการปวดศีรษะไมเกรนที่สัมพันธ์กับรอบประจำเดือน
- ช่วยต้านโรคมะเร็งได้หลายชนิด เช่น มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งเต้านม และมะเร็งลำไส้ใหญ่
- ช่วยลดความเครียดและภาวะซึมเศร้าได้ เนื่องจากการที่วิตามินดีช่วยให้สมองหลั่งสารเซโรโทนินมากขึ้น
- มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ ปรับสมดุลและเสริมสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกาย
- ช่วยป้องกัน และรักษาโรคจอประสาทตาเสื่อมตามอายุ
- ช่วยให้อาการนอนหลับดีขึ้น
- ช่วยป้องกันโรคภูมิแพ้ โรคแพ้ภูมิตัวเอง (SLE)
การมีผิวสวยเนียน กระจ่างใสนั้น ทำได้ไม่ยากและก็ไม่จำเป็นต้องซื้อครีมราคาแพง มาใช้ เพียงแค่มีวินัยในการดูแลผิว รู้จักเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับสภาพผิวของตัวเอง มีส่วนประกอบของวิตามินซี วิตามินอี และ วิตามินดี รวมถึงดูแลตัวเองให้ดีทั้งภายในและภายนอก เพียงเท่านี้ก็มีผิวที่สวยใส จนใคร ๆ ต้องเหลียวมอง - วิตามินอีในรูปแบบยานอกเหนือจากบทบาทการเป็นวิตามินผู้ปกป้องร่างกายแล้ว วิตามินอียังมีบทบาทในการเป็นยารักษาโรค โดยทางด้านการแพทย์ จะใช้รักษาโรคโลหิตจางในทารกแรกคลอดเนื่องจากเม็ดเลือดแดงแตก ใช้รักษาโรคขาดสารอาหาร ใช้รักษาอาการปวดกล้ามเนื้อขาเวลาเดิน และใช้สำหรับต้านทานต่อโรคภัยไข้เจ็บอื่นๆ อีกมากมาย
- วิตามินอีในรูปแบบเครื่องสำอาง วิตามินอีเป็นวิตามินที่มีการนำมาใช้มากชนิดหนึ่งในเครื่องสำอางสำหรับผิว โดยใช้เป็นสารกันหืน ใช้เป็นสารให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว ใช้ผสมในครีมกันแดด เพื่อช่วยเร่งการทำงานของเอนไซม์ที่ช่วยลดความเกรียมแดดของผิวหนัง และช่วยสมานผิวหนัง ซึ่งฤทธิ์บางอย่างนี้ อาจจะต้องมีการศึกษาเพิ่มเติม
- วิตามินอีในรูปแบบอาหาร หรือ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร จะมีการใช้วิตามินอีเป็นสารกันหืนในอาหาร นอกจากนี้ยังสามารถใช้วิตามินอีเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร โดยจะใช้เพื่อบำรุงร่างกาย ป้องกันการเกิดโรค และลดความรุนแรงของภาวะต่าง ๆ โดยภาวะบางอย่างยังคงต้องรอผลการศึกษาเพิ่มเติม
การมีผิวสวยเนียน กระจ่างใสนั้น ทำได้ไม่ยากและก็ไม่จำเป็นต้องซื้อครีมราคาแพง มาใช้ เพียงแค่มีวินัยในการดูแลผิว รู้จักเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับสภาพผิวของตัวเอง มีส่วนประกอบของวิตามินซี วิตามินอี และ วิตามินดี รวมถึงดูแลตัวเองให้ดีทั้งภายในและภายนอก เพียงเท่านี้ก็มีผิวที่สวยใส จนใคร ๆ ต้องเหลียวมอง
อ้างอิง
- https://www.paolohospital.com/th-TH/phahol/Article/Details/Food-exercise/วิตามิน-C-มีดีอย่างไร#:~:text=วิตามินซี%20มีดีต่อ,ช่วยให้ผิวพรรณเต่งตึง
- https://pri.moph.go.th/index.php/services/people/healthknowledge/31-workingage/44-vegetables
- https://www.paolohospital.com/th-TH/phahol/Article/Details/Facts-About-Vitamin-E-รู้จักVitamin-E-หนึ่งใน-Antioxidant-ที่จำเป็น
- https://pharmacy.mahidol.ac.th/dic/knowledge_full.php?id=33
- https://www.paolohospital.com/th-TH/phahol/Article/Details/บทความ-วิตามิน/คุณมีวิตามินดี-พอหรือยัง-